News: หากกระทู้หาย ไม่ต้องตกใจ เป็นไปได้สูงว่าทำผิดกฎเวบเลยถูกลบ ทำผิดซ้ำอีกผู้ขายจะโดนแบน


ทัวร์เวียดนามที่ เมืองเว้ มหานครอันยิ่งใหญ่ในอดีต

  • 0 Replies
  • 961 Views

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline goten

  • Intermediate
  • **
  • 109
  • siamspeed.com
เมืองเว้...สมัยก่อนนครจักรพัตราธิราชหรือวังที่จักรพัตราธิราชยาทดลอง องค์ปฐมกษัตริย์ที่วงศ์สกุลเหวียนเป็นผู้สร้างขึ้น เมืองที่นี้ได้รับการบันทึกไว้ภายหลังอาณาจักรจามขว้างล่มสลายลง

เดิมเมืองเว้นั้นเป็นเมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่แกนกลางของประเทศเวียดนาม อยู่ในการปกครองของเจ้าขุนมูลนายเหวียนฮวาง (Nguyen Hoang) ในแผ่นดินของวงศ์สกุลเล แม้กระนั้นวงศ์สกุลดูแลได้ไม่นานก็กำเนิดการสู้รบแยกดินแดนขึ้น ทางทางเหนือตกไปอยู่สำหรับในการดูแลของเจ้าขุนมูลนายตริงห์ รวมทั้งทางตอนใต้ตกอยู่สำหรับในการดูแลของเจ้าขุนมูลนายเหวียน ถัดมาได้ขัดแย้งกันรวมทั้งได้กำเนิดการรบขึ้นมา ญาติเครือญาติเตยเซินก่อกบฏขึ้นแล้วก็ยึดเวียดนามได้ทั้งสิ้น เหวียนฉวางหรือที่ชาวไทยรู้จักท่านในชื่อว่า องเชียงสือ ซึ่งเป็นผู้ดูแลเวียดนามใต้อยู่เวลานี้ ก็เลยได้หลบภัยมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกนานถึง 4 ปีแล้วกลับมาปราบกบฏลงได้ในปี พุทธศักราช 2345 แล้วก็เก็บรวบรวมดินแดนทางภาคเหนือแล้วก็ตอนใต้เข้าไว้ร่วมกัน โดยเรียกชื่อเสียใหม่ว่า เวียดนาม พร้อมด้วยแต่งตั้งตัวเองเป็นจักรพัตราธิราชยาทดลองที่วงศ์สกุลเหวียนขึ้นดูแลเมืองเว้ซึ่งเป็นราชบุรี

แม้กระนั้นภายหลังที่พระผู้เป็นเจ้ายางทดลองดูแลเวียดนามได้เพียงแต่ 33 ปี ประเทศฝรั่งเศสก็บุกเข้าโจมตีเมืองเว้ ในขณะนี้พระราชาธิราชเปลี่ยนกันขึ้นสู้บัลลังก์ในช่วงสั้นๆการเดินแถวต้านประเทศฝรั่งเศสแล้วก็การต่อสู้กับจักรพรรดินิยมถูกติดตามมาด้วยการครอบครองของประเทศญี่ปุ่นในมหาการรบทวีปเอเชียบูรพาทิศเมื่อปี พุทธศักราช 2488 และก็ในส.ค.ปีเดียวกันนี้เองที่พระผู้เป็นเจ้าเบ๋าได่ ได้สละราชบัลลังก์เป็นอันจบวงศ์สกุลเหวียน ถัดมาเมืองเว้ได้แปลงเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของเวียดนามใต้ตามการแบ่งประเทศออกเป็น 2 ส่วน และก็ได้หมดลงลงภายใต้การปกครองของรัฐบาลยกดิงห์เดียม นครที่พระราชาธิราชจะต้องเผชิญกับความเสื่อมโทรมอย่างมาก ระหว่างการบุกเข้าจู่โจมของเวียดกงในตอนเทศกาลเต็ดเมื่อปี พุทธศักราช 2511 ซึ่งนำมาซึ่งความทุกข์ร้อนไปทุกเมืองในเวียดนามใต้ และก็เหตุคราวนั้นเองก็ทำให้สหรัฐฯถอนกองกำลังออกมาจากเวียดนาม รวมทั้งท้ายที่สุดก็ทำให้เวียดนามเหนือลงมายึดเวียดนามใต้รวมทั้งรวมกันเป็นเลิศได้เสร็จ

ถึงแม้ว่าเมืองเว้จะได้รับความทรุดโทรมจากอันตรายของการรบลงไปบ้าง แม้กระนั้นก็ยังคงหลงเหลือร่องรอยที่ความรุ่งโรจน์ของนครจักรพัตราธิราชอยู่อีกไม่น้อยด้วยเหมือนกัน แต่ละที่ล้วนมีเรื่องมีราวราวน่าดึงดูดมากมายก่ายกองให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเยี่ยมชม ตั้งแต่ราชสำนัก หลุมฝังศพพระราชาธิราช ตลอดตนแม่น้ำหอม แม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านจุดศูนย์กลางเมืองแล้วก็ด้วยความเจริญก้าวหน้าในอดีตกาล โบราณสถานอันสวยแล้วก็มีคุณค่า วัฒนธรรมที่มีต้นแบบของตน เว้ก็เลยได้รับการรับรองจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติประกาศจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมในปี พุทธศักราช 2536 สิ่งกลุ่มนี้เองที่เป็นมนต์เสน่ห์ยั่วยวนใจนักเดินทางจากทั้งโลกให้มาเยี่ยมเยือนเมืองมรดกโลกริมน้ำหอมที่มิได้หายไปพร้อมด้วยยุคสมัยที่นี้

# สุสานจักรพรรดิตือดึ๊ก (Tomb of Tu Duc)

หลุมฝังศพของพระผู้เป็นเจ้าตือดึ๊ก แม้ว่าจะมีตัวอาติดอยู่รไม่เท่าไรนัก แม้กระนั้นก็มีความงดงามพอดีของสถานที่ ซึ่งตามบันทึกพูดว่าท่านได้ทรงดีไซน์เองแทบทั้งมวล ป่าช้าที่นี้ผลิตขึ้นเมื่อปี พุทธศักราช 2407 ใช้เวลา 3 ปี ก็เลยเสร็จ โดยใช้แรงงานคนถึง 3,000 คน พระผู้เป็นเจ้าตือดึ๊กเป็นบุตรชายของพระผู้เป็นเจ้าเถี่ยวตรีจักรพัตราธิราชองค์ที่ 4 ที่วงศ์สกุลเหวียนที่ทรงครองแผ่นดินนานถึง 36 ปี

ข้อดีน่าชื่นชมของหลุมฝังศพที่นี้ เป็น พระราชวัง 2 ที่ภายใต้ตึกไม้ดั้งเดิมที่ตั้งอยู่ชายทะเลสาบลูเคียม อันรายล้อมด้วยดอกบัวที่บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ท่านทรงใช้เวลาว่างในพระราชวังที่นี้นิพนธ์บทประพันธ์แล้วก็พักผ่อนหย่อนใจด้วยการตกปลา ต่อมาที่ส่วนกลาวงของป่าช้ามีแผ่นจารึกขนาดใหญ่ที่พูดถึงพระเกียรติคุณรวมทั้งเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นในรัชสมัย และก็ตึกทรงโรงขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นโรงแสดงละครยุคที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ส่วนตัวป่าช้าของท่านนั้นอยู่ข้างในสุด รายล้อมไปด้วยความร่มเย็นของทิวสน ต้นไม้ที่แสดงถึงความเป็นอมตะ เนื่องจากว่ามีต้นไม้เพียงแต่ประเภทเดียวแค่นั้นที่มีใบเขียวทั้งปี ชาวเวียดนามก็เลยนำไปเปรียบเทียบกับความเป็นอมตะขององค์พระราชาธิราชที่วงศ์สกุลเหวียน

# สุสานจักรพรรดิมินห์มาง (Tomb of Minh Mang)

การก่อสร้างหลุมฝังศพที่นี้เริ่มขึ้นในปี พุทธศักราช 2383 หรือ 1 ปี ก่อนสวรรคต และก็เสร็จลงโดยพระผู้เป็นเจ้าเถี่ยวตรี รัชทายาทของท่านในปี พุทธศักราช 2386 พระผู้เป็นเจ้าไม่งห์หม่างเป็นพระลูกชายองค์ที่ 4 ของพระผู้เป็นเจ้ายาทดลอง รวมทั้งเป็นจักรพัตราธิราชองค์ที่ 2 ในวงศ์สกุลเหวียน ท่านทรงสร้างนครพระราชาธิราชและก็ได้รับการเชิดชูอย่างยิ่งจากการที่ทรงเปลี่ยนแปลงขนบประเพณีรวมทั้งทำการเกษตร ท่านทรงถือมั่นในแบบแผนการจัดการ การปกครองตามแบบจีน โดยการให้หัวเมืองต่างๆมาขึ้นตรงต่อราชสำนัก และก็แนวทางต้านประเทศฝรั่งเศสแล้วก็ทำลายล้างพวกนอกศาสนาอย่างหนัก ซึ่งแผนการนี้เองที่ทำให้เวียดนามกลายเป็นอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศสในเวลาถัดมา

การเที่ยวดู : จุดแรกของการเยี่ยมเยือนดู เป็น รอบๆลานกว้างที่มีรูปสลักหินของเหล่าบรรดาช้าง ม้า ทหาร แล้วก็เจ้าขุนมูลนาย ที่ตั้งเรียงรายอยู่ สองฟากฝั่งผลงานชิ้นเยี่ยมของช่างฝีมือนิรนามหลายๆคน รเข้ามาเป็นแผ่นจารึกที่ตั้งแท่นบูชาดวงพระวิญญาณ และก็พระตำหนักภายในสิ่งแวดล้อมไปด้วยบ่อน้ำน้ำรวมทั้งสวนอันร่มรื่น ซึ่งจากพระตำหนักนี้เอง สามารถแลเห็นหลุมฝังพระศพเป็นเนินดินวงกลมขนาดใหญ่โอบล้อมด้วยรั้วสูง แต่ว่าไม่เคยมีผู้ใดทราบเลยว่าตำแหน่งของที่ฝังพระศพที่แน่ๆนั้นอยู่ที่ไหน ด้วยเหตุว่าไม่อนุญาตให้คนใดกัน เว้นแต่ผู้ทำการฝังพระศพเข้าไปและก็ผู้กระทำการฝังพระศพนั้นจำเป็นต้องฆ่าตัวตายตามท่านด้วยเพื่อเป็นข้าหลวงรับใช้ท่านในโลกหน้า

ที่มา : ทัวร์เวียดนาม